วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

อันตรายจากโทรศัทพ์  มือถือ


warning-smartphone-01
ด้วยโทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์ไอทีคู่ใจที่เราจะหยิบโทร แชต เล่นเกม อ่านไฟล์งาน และใช้งานแทบทุกวัน ซึ่งในช่วงนี้อาจได้เห็นข้อมูลที่แชร์กันมากมายเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งข่าวอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต  เราจึงสอบถามผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความถูกต้องชัดเจน เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยอันตรายจาการใช้โทรศัพท์มือถือมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ พร้อมข้อควรระวัง ดังนี้

ข้อควรระวังการใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงหน้าฝน

use-smartphone-raining-01
  1. ผู้ใช้งานไม่ควรใช้งานโทรศัพท์มือถือใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส เนื่องจากมือถือเป็นการใช้งานบนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเข้ามาในโทรศัพท์มือถือได้
  2. เมื่อเกิดฝนตกฟ้าคะนอง ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ควรเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากมีโอกาสที่จะเหนี่ยวนำเข้ากระแสไฟฟ้ามายังเสาอากาศขณะมีการใช้งานได้ เช่นเดียวกันกับโลหะต่างๆ เช่นทองคำ เงิน นาก ที่จะกลายเป็นตัวเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดฟ้าผ่า ซึ่งผู้ที่สวมใส่โลหะดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยงการเดินอยู่นอกอาคารบ้าน เรือนท่ามกลางฝนตกฟ้าคะนอง
นอกจากนี้ ท่าน ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ นักวิจัยอาวุโส NECTEC ได้ให้คำนำนำเพิ่มเติมว่า การใช้มือถือเวลาฝนตก ในที่โล่งแจ้ง ก็เป็นอันตรายเช่นเดียวกันกับการมีโลหะในตัว เพราะมือถือ มีองค์ประกอบเป็นโลหะซะส่วนใหญ่ด้วย แม้จะหุ้มด้วยปลอกพลาสติกแล้วก็ตาม โอกาสโดนฟ้าผ่าก็จะมีเยอะขึ้น อันตราย

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ

ผศ.ขจร อินวงษ์  อาจารย์สาขาวิศวะกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ แนะนำว่าการใช้สายชาร์จ ไม่ควรซื้อสายชาร์จราคาถูกแต่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเกิดไฟลุกหรือระเบิดเหมือนที่เป็นข่าวดังได้ เพราะวัสดุไม่ได้คุณภาพ  ทั้งนี้ สายชาร์จของแท้ แม้จะราคาแพงหน่อย แต่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการผลิตจากผู้ผลิตแล้วมาตรฐานสากล   ยกตัวอย่างเช่น สายชาร์จและอุปกรณ์ต่อพ่วงที่มากับตัวโทรศัพท์เลย ตอนซื้อเครื่องมือถือใหม่นั้น มักผ่านการตรวจสอบคุณภาพในการผลิต จากผู้ผลิตอยู่แล้ว แต่ที่ไปซื้อแยกต่างหาก อาจไม่ได้มาตรฐาน
การคุยมือถือไปด้วยขณะชาร์จอันตรายหรือเปล่า ?
วิศวะกรผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า  “การคุยมือถือไปด้วยขณะชาร์จ ทำให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้  เกิดจากแบตเตอรรี่ ซึ่งมีสารเคมี เมื่อมีการชาร์จ จะมีการทำปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้นในแบตเตอรรี่  ถ้าหากแบตเสื่อมสภาพ หมดอายุ ก็มีโอกาสที่จะระเบิดได้ ดังนั้นการคุยไปด้วยขณะชาร์จ จึงเป็นอันตราย อีกทั้ง การคุยไปด้วยเป็นการกระตุ้นการทำงานของแบตเตอรี่ให้ทำงานมากกว่าปกติ   เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ  ทำให้เพิ่มโอกาสระเบิดได้ในกรณีแบตเสื่อม
การชาร์จไฟมือถือทิ้งไว้ วางบนเตียง แล้วนอน อันตรายไหม ?
อันตราย  ถึงแม้ว่า ไฟที่อยู่ในสายชาร์จ แล้วเข้าไปยังมือถือ จะถูกแปลงเป็นกระแสตรง ซึ่ง โดยทั่วไป ไฟกระแสตรงจะไม่ดูด แล้วก็ตาม  แต่ทว่า ถ้าหากตัว Rectifier ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสสลับคือไฟจากไฟบ้าน ไปเป็นกระแสตรงเพื่อเข้าสู่มือถือ มีการชำรุด ทำงานผิดพลาด อาจทำให้มีไฟฟ้ากระแสสลับ (ซึ่งดูดเราได้) หลุดเข้าไปยังสายชาร์จที่วิ่งเข้าสู่มือถือได้  ก็จะทำให้ไฟที่วิ่งอยู่ในสายชาร์จกลายเป็นไฟที่ดูดได้ และถ้าหากสายชาร์จมีรอยขาด หรือชำรุด และมาถูกตัวผู้ใช้ ก็ไฟดูดได้ นั่นเอง
ลองนึกภาพดู หากเราวางมือถือไว้บนเตียง โอกาสที่จะนอนดิ้นไปทับ ทำให้สายชำรุด สายหัก หรือสายชำรุดอยู่แล้ว  แล้วเกิดไฟรั่ว ไฟดูด ก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นทางที่ดี ไม่ควรชาร์จมือถือ แล้ววางไว้บนเตียงข้างๆที่เรานอน เพราะเราไม่รู้ว่า สายไฟจะมาพาดตัวเรามือ่ไหร่ ควรวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง หรือที่อื่นจะดีกว่า

หน้าจอโทรศัพท์มือถือ 

อีกส่วนหนึ่งมี่สำคัญ หน้าจอ (Display) หน้าจอมือถือของคุณ เมื่อคุณหยิบโทรศัพท์มือถือ มาเมาท์ทีไรก็ต้องแนบกับหน้าทุกครั้งพอคุยเสร็จปุ๊บก็เป็นคราบเลย ทั้งแป้งทั้งเหงื่อทั้งความมัน ถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจได้สิวเป็นของแถมด้วย ดังนั้นการดูและหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยากคือ ใช้ผ้าสะอาดๆ หรือทิชชู่สำหรับเด็ก (ทิชชู่ทั่วไปจะทำให้หน้าจอเป็นรอยได้) หรือใช้ผ้าเช็ดแว่นเป็นอุปกรณ์ในการทำความสะอาดหน้าจอมือถือ ส่วนเช็ดบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน
top10-battery-draining-apps
คำถามคาใจ… จริงหรือไม่ที่การชาร์จแบต ถ้าเต็มแล้วปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้แบตพัง ?
ผศ.ขจร อินวงษ์  อาจารย์สาขาวิศวะกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ให้คำตอบมาว่า  ปัจจุบันนี้ไม่ต้องกังวลว่าการชาร์จมือถือทิ้งไว้ ในขณะที่แบตเต็ม ว่าจะมีปัญหากับแบตหรือไม่เพราะมือถือและแท็บเลทในปัจจุบันนั้น มีระบบตัดไฟ เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม 100% อยู่แล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง:

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับเทคโนโลยีในอนาคตที่เรากำลังรอคอยอยู่

กระทู้สนทนา
เทคโนโลยีสมัยนี้มีความก้าวหน้ามากขึ้นทุกวัน และแน่นอนว่าเทคโนโลยีที่หลายคนรอคอยว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีแน่ๆนั้น บางอย่างก็มีแล้ว บางอย่างก็ยังไม่เกิดขึ้น แต่คิดว่าจะมีเร็วๆนี้แน่นอน ลองมาดู 10 อันดับกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง











10.Jet Pack


เทคโนโลยีนี้จะเห็นได้จากภาพยนตร์พวกแฟนตาซี ไซไฟทั้งหลาย ซึ่งตอนนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ที่นำไปใช้สำหรับผู้คนแต่ละคน ในการเคลื่อนที่ไปในทางอากาศ












9.เครื่องบินบังคับ


ตอนนี้เครื่องบินบังคับก็ได้บังเกิดขึ้นแล้วและใช้ไปในทางด้านการสงครามมากกว่า ทำให้พวกเราหลายคนเริ่มกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีชนิดนี้อยู่ว่า มันจะขัดต่อหลักกฎหมายและศีลธรรม ที่มันใช้ได้ทั้งสำรวจอาณาเขตและก็สังหารผู้คนได้ในเวลาเดียวกัน












8.หุ่นยนต์แม่บ้าน


ในการ์ตูนเราก็คงจะเห็นหุ่นยนต์แม่บ้าน พ่อบ้านที่สร้างความสะดวกสบายให้กับตัวละครมามากแล้ว ตอนนี้หุ่นยนต์แม่บ้านก็เริ่มจะพอมีให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ที่นับวันเริ่มมีศักยภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ที่พวกมันอาจทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ทั่วไปเสียอีก ที่มันไม่เคยบ่นคำว่าเหนื่อย ไม่เฉื่อยช้าเหมือนกับมนุษย์












7.อาหารสังเคราะห์


อาหารสังเคราะห์เป็นอาหารจำลองที่กินแล้วรสชาติเหมือนกับของจริงทุกประการ ซึ่งก็มีให้เห็นแล้วในปี 2008 แต่ทว่าราคานั้นโครตแพงสุดๆ แต่ดูเหมือนว่าก็มีการเดินหน้าการทำอาหารสังเคราะห์นี้ต่อเนื่อง












6.ภาพ 3 มิติ


ดูเหมือนว่าภาพ 3 มิติตอนนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นและก็มีความทันสมัยมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะครอบหัวหรือใส่แว่น 3 มิติ ก็ได้สัมผัสเหมือนกับว่าเราอยู่ในโลกแห่งเกมกับภาพยนตร์ ทั้งเสียงแบบ 3 มิติที่ช่วยเพิ่มความสมจริงมากขึ้นไปอีก จนถึงวันนี้ก็มีแบบ 4 มิติให้เห็นกันแล้ว












5.รถบินได้


ความฝันของมวลมนุษย์เป็นจริงแล้ว เมื่อรถบินได้มีการซื้อจองล่วงหน้าในปี 2012 ที่เหมือนกับเป็นรถแบบเดียวกับการ์ตูนที่เราเห็นอยู่ทั่วๆไป ทำให้เราสบายใจไม่ต้องเจอกับจราจรติดขัด และก็ประหยัดการเดินทางได้อีกเยอะ และแน่นอนว่ารถบินได้มีการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง












4.Wireless


Wireless เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้สายไฟฟ้าในการเชื่อมต่อ ซึ่งเราสามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้ในพื้นที่ของมัน และบริษัทตอนนี้ก็เริ่มขยายอุปกรณ์ประเภท Wireless มากขึ้น อีกหน่อยอนาคตเราก็อาจจะไม่ต้องทำการเชื่อมต่อสายไฟฟ้าอีกต่อไปก็ได้












3.รถล่องหน


รถล่องหนอาจจะมีจริงได้เร็วๆนี้ในปี 2014 ซึ่งบริษัทผลิตรถส่วนใหญ่ก็มีการสร้างแบบจำลองรถประเภทนี้กันอยู่ แม้ว่าจะรถล่องหนดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นอะไรมากนัก แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของโลกก้าวหน้าเหนือความคาดหมายแล้ว ที่เราอาจจะมองไม่เห็นรถวิ่งแล่นไปมาเลยก็ได้












2.รถบังคับอัตโนมัติ


กล่าวกันว่ารถบังคับอัตโนมัติจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ หากมีจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนได้ มีการตั้งสัญญาณเตือนภัยอุบัติเหตุต่างๆ จอดรถอัตโนมัติ และก็ควบคุมทิศทางได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะต้องตั้งค่าเซ็นเซอร์ในระดับที่แข็งแกร่งมากถึงจะตอบสนองได้












1.เทคโนโลยีอ่านใจคน


อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มวลมนุษย์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยแน่ๆ ซึ่งตอนนี้กำลังมีการวิจัยอยู่ โดยจะให้เราใส่หูฟังและเครื่องก็จะทำการอ่านจิตใจในสมองของเราว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ ที่จะทำให้เราเข้าใจทั้งตัวเองและคนอื่นๆได้ และดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ซะด้วย

อ่านต่อได้ที่ :http://pantip.com/topic/31744627

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ความรู้เรื่องยาเสพติด

ความรู้เรื่องยาเสพติด

๑. ความหมายของยาเสพติด
          ยาเสพติด  หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น เมี่อนำเข้าสู้ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจำทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง
          ลักษณะสำคัญของสารเสพติด จะทำให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผู้เสพดังนี้
              ๑.  เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา และเมื่อติดแล้ว ต้องการใช้สารนั้นในประมาณมากขึ้น
              ๒.  เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรือหยุดใช้
              ๓.  มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างรุนแรงตลอดเวลา
              ๔.  สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลง เกิดโทษต่อตนเอง  ครอบครัว  ผู้อื่น  ตลอดจนสังคม และประเทศชาติ

๒. ประเภทของยาเสพติด
          ยาเสพติด แบ่งได้หลายรูปแบบ ตามลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

           ๑.  แบ่งตามแหล่งที่เกิด  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น  ๒  ประเภท คือ
                  ๑.๑  ยาเสพติดธรรมชาติ  (Natural  Drugs) คือยาเสพติดที่ผลิตมาจากพืช เช่น  ฝิ่น กระท่อม  กัญชา  เป็นต้น
                  ๑.๒  ยาเสพติดสังเคราะห์  (Synthetic  Drugs)  คือยาเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี  เช่น เฮโรอีน  แอมเฟตามีน  เป็นต้น
              ๒.  แบ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๕ ประเภท คือ
                  ๒.๑  ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑  ได้แก่ เฮโรอีน  แอลเอสดี  แอมเฟตามีน หรือยาบ้า  ยาอีหรือยาเลิฟ
                  ๒.๒  ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๒  ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้  แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์    และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่  ฝิ่น  มอร์ฟีน  โคเคน หรือโคคาอีน  โคเคอีน  และเมทาโดน
                  ๒.๓  ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่  ๓   ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่  ๒   ผสมอยู่ด้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์   การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้  ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่
ยาแก้ไอ  ที่มีตัวยาโคเคอีน  ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่นผสมอยู่ด้วย  ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟีน  เพทิดีน  ซึ่งสกัดมาจากฝิ่น
                  ๒.๔  ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่  ๔  คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒   ยาเสพติดประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด  และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย  ได้แก่น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์  ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน  สารคลอซูไดอีเฟครีน  สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก ๑๒ ชนิด  ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้ในยาเสพติดประเภทที่ ๑ ถึง ๔  ได้แก่ ทุกส่วนของพืชกัญชา  ทุกส่วนของพืชกระท่อม   เห็ดขี้ควาย เป็นต้น

              ๓.  แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท  ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
                  ๓.๑  ยาเสพติดประเภทกดประสาท  ได้แก่   ฝิ่น   มอร์ฟีน   เฮโรอีน   สารระเหย  และยากล่อมประสาท
                  ๓.๒  ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท  ได้แก่  แอมเฟตามีน  กระท่อม และ โคคาอีน
                  ๓.๓  ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท  ได้แก่  แอลเอสดี  ดีเอ็มพี  และ เห็ดขี้ควาย
                  ๓.๔  ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน    กล่าวคือ  อาจกดกระตุ้น หรือ หลอนประสาทได้พร้อม ๆ กัน  ตัวอย่างเช่น  กัญชา
              ๔.  แบ่งตามองค์การอนามัยโลก  ซึ่งแบ่งออกได้เป็น  ๙  ประเภท คือ
                  ๔.๑  ประเภทฝิ่น  หรือ  มอร์ฟีน   รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน  ได้แก่ ฝิ่น  มอร์ฟีน  เฮโรอีน   เพทิดีน
                  ๔.๒  ประเภทยาปิทูเรท  รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน ได้แก่  เซโคบาร์ปิตาล  อะโมบาร์ปิตาล  พาราลดีไฮด์  เมโปรบาเมท ไดอาซีแพม เป็นต้น
                  ๔.๓  ประเภทแอลกอฮอล  ได้แก่  เหล้า   เบียร์  วิสกี้
                  ๔.๔  ประเภทแอมเฟตามีน  ได้แก่  แอมเฟตามีน  เมทแอมเฟตามีน
                  ๔.๕  ประเภทโคเคน  ได้แก่  โคเคน  ใบโคคา
                  ๔.๖  ประเภทกัญชา  ได้แก่  ใบกัญชา  ยางกัญชา
                  ๔.๗  ประเภทใบกระท่อม
                  ๔.๘  ประเภทหลอนประสาท  ได้แก่ แอลเอสดี  ดีเอ็นที  เมสตาลีน  เมลัดมอนิ่งกลอรี่   ต้นลำโพง  เห็ดเมาบางชนิด
                  ๔.๙  ประเภทอื่น ๆ  นอกเหนือจาก  ๘  ประเภทข้างต้น  ได้แก่  สารระเหยต่าง ๆ  เช่น ทินเนอร์  เบนซิน  น้ำยาล้างเล็บ  ยาแก้ปวด  และบุหรี่
๓. วิธีการเสพยาเสพติด
          กระทำได้หลายวิธี ดังนี้คือ
                  ๓.๑  สอดใต้หนังตา
                  ๓.๒  สูบ
                  ๓.๓  ดม
                  ๓.๔  รับประทานเข้าไป
                  ๓.๕  อมไว้ใต้ลิ้น
                  ๓.๖  ฉีดเข้าเหงือก
                  ๓.๗  ฉีดเข้าเส้นเลือด
                  ๓.๘  ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
                  ๓.๙  เหน็บทางทวารหนัก
๔. ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในประเทศไทย  ได้แก่
                  ๔.๑  ยาบ้า
                  ๔.๒  ยาอี  ยาเลิฟ  หรือ เอ็กซ์ตาซี
                  ๔.๓  ยาเค
                  ๔.๔  โคเคน
                  ๔.๕  เฮโรอีน
                  ๔.๖  กัญชา
                  ๔.๗  สารระเหย
                  ๔.๘  แอลเอสดี
                  ๔.๙  ฝิ่น
                  ๔.๑๐  มอร์ฟีน
                  ๔.๑๑  กระท่อม
                  ๔.๑๒  เห็ดขี้ควาย

๕. สาเหตุของการติดยาเสพติด
          มีหลายประการ ดังนี้คือ
                  ๕.๑  อยากลอง อยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัส ซึ่งเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์  โดยคิดว่า "ไม่ติด"  แต่เมื่อลองเสพเข้าไปแล้วมักจะติด
                  ๕.๒  ถูกเพื่อนชักชวน  ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเยาวชน ทำตามเพื่อน  เพราะต้องการ การยอมรับจากเพื่อนฝูง หรือถูกชักจูงว่าใช้แล้วทำให้สมองปลอดโปร่ง  หรือใช้แล้วทำให้ขยันจึงเหมาะแก่การเรียน และการทำงาน
                  ๕.๓  ถูกหลอกลวง  โดยอาศัยรูปแบบสีสันสวยงาม  ทำให้ผู้รับไม่อาจทราบได้ว่า สิ่งที่ตนได้รับเป็นยาเสพติด
                  ๕.๔  ใช้เพื่อลดความเจ็บปวดทางกาย  อันเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บ  จนเกิดการติดยา เพราะใช้เป็นประจำ
                  ๕.๕  เกิดจากความคนอง และขาดสติยั้งคิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นยาเสพติด แต่อยากแสดง ความเก่งกล้า อวดเพื่อน จึงชวนกันเสพจนติด
                  ๕.๖  ภาวะสิ่งแวดล้อมรอบตัว เอื้ออำนวยที่จะส่งเสริม  และผลักดันให้หันเข้าหายาเสพติด เช่น  ครอบครัวแตกแยก สมาชิกในครอบครัวขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภาวะเศรษฐกิจบีบบังคับให้ทำเพื่อความอยู่รอด  อยากรวยเร็ว หรือพักอาศัยอยู่ ในแหล่งที่มีการเสพและค้ายาเสพติด
๖. โทษ/พิษภัย ของยาเสพติด
          การใช้ยาเสพติด  มีโทษและพิษภัยรอบตัว นอกจากจะส่งผลกระทบในทางไม่ดีโดยตรงต่อตัวผู้เสพแล้ว ทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ยังส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังครอบครัวผู้เสพ ตลอดจนเศรษฐกิจ  สังคม และประเทศชาติอีกด้วย
บทลงโทษเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
        - ผู้จำหน่ายหรือมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง น้ำหนักไม่เกิน 100 กรัม จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงตลอดชีวิต
และปรับตั้งแต่ 50,000-500,000 บาท เกิน 100 กรัม ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
        - มีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท
        - ผู้เสพเฮโรอีนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท
        - มีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท
        - ผู้ใดเสพกัญชา จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
        - มีกัญชาไว้ในครอบครอง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท
        - ผลิต (ปลูกกัญชา จำคุกอย่างต่ำ 2 ปี และปรับอย่างต่ำ 20,000-150,000บาท
สารระเหย สารเสพติด ผิดกฎหมาย

๗. วิธีสังเกตุอาการผู้ติดยาเสพติด
            จะสังเกตว่าผู้ใดใช้หรือเสพยาเสพติด  ให้สังเกตจากอาการและการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย และจิตใจดังต่อไปนี้
                  ๗.๑  การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย  จะสังเกตได้จาก
                      ๗.๑.๑   สุขภาพร่างกายทรุดโทรม  ซูบผอม  ไม่มีแรง  อ่อนเพลีย
                      ๗.๑.๒  ริมฝีปากเขียวคล้ำ  แห้ง  และแตก
                      ๗.๑.๓  ร่างกายสกปรก  เหงื่อออกมาก  กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ
                      ๗.๑.๔  ผิวหนังหยาบกร้าน  เป็นแผลพุพอง  อาจมีหนองหรือน้ำเหลือง คล้ายโรคผิวหนัง
                      ๗.๑.๕  มีรอยกรีดด้วยของมีคม  เป็นรอยแผลเป็นปรากฏที่บริเวณแขน  และ/หรือ ท้องแขน
                      ๗.๑.๖  ชอบใส่เสื้อแขนยาว  กางเกงขายาว  และสวมแว่นตาดำเพื่อปิดบังม่านตาที่ ขยาย
                  ๗.๒  การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ  ความประพฤติและบุคลิกภาพ  สังเกตุได้จาก
                      ๗.๒.๑  เป็นคนเจ้าอารมย์  หงุดหงิดง่าย  เอาแต่ใจตนเอง  ขาดเหตุผล
                      ๗.๒.๒  ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่
                      ๗.๒.๓  ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
                      ๗.๒.๔  พูดจากร้าวร้าว  แม้แต่บิดามารดา  ครู อาจารย์  ของตนเอง
                      ๗.๒.๕  ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว ไม่เข้าหน้าผู้อื่น  ทำตัวลึกลับ
                      ๗.๒.๖  ชอบเข้าห้องน้ำนาน ๆ
                      ๗.๒.๔  ใช้เงินเปลืองผิดปกติ  ทรัพย์สินในบ้านสูญหายบ่อย
                      ๗.๒.๕  พบอุปกรณ์เกี่ยวกับยาเสพติด  เช่น  หลอดฉีดยา  เข็มฉีดยา  กระดาษตะกั่ว
                      ๗.๒.๖  มั่วสุมกับคนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด
                      ๗.๒.๗  ไม่สนใจความเป็นอยู่ของตนเอง  แต่งกายสกปรก ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยอาบน้ำ
                      ๗.๒.๘  ชอบออกนอกบ้านเสมอ ๆ  และกลับบ้านผิดเวลา
                      ๗.๒.๙  ไม่ชอบทำงาน  เกียจคร้าน  ชอบนอนตื่นสาย
                      ๗.๒.๑๐  มีอาการวิตกกังวล   เศร้าซึม   สีหน้าหมองคล้ำ
                  ๗.๓  การสังเกตุอาการขาดยา  ดังต่อไปนี้
                      ๗.๓.๑  น้ำมูก  น้ำตาไหล หาวบ่อย
                      ๗.๓.๒  กระสับกระส่าย  กระวนกระวาย  หายใจถี่  ปวดท้อง  คลื่นไส้  อาเจียน  เบื่ออาหาร  น้ำหนักลด  อาจมีอุจาระเป็นเลือด
                      ๗.๓.๓  ขนลุก  เหงื่อออกมากผิดปกติ
                      ๗.๓.๔  ปวดเมื่อยตามร่างกาย  ปวดเสียวในกระดูก
                      ๗.๓.๕  ม่านตาขยายโตขึ้น  ตาพร่าไม่สู้แดด
                      ๗.๓.๖  มีอาการสั่น  ชัก  เกร็ง  ไข้ขึ้นสูง  ความดันโลหิตสูง
                     ๗.๓.๗  เป็นตะคริว
                      ๗.๓.๘  นอนไม่หลับ
                      ๗.๓.๙  เพ้อ  คลุ้มคลั่ง  อาละวาด  ควบคุมตนเองไม่ได้
๘. การตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย
          การตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย  แบ่งออกเป็น ๒ ขั้นตอน
                   ๘.๑  การตรวจขั้นต้น : ราคาถูก ได้ผลเร็ว มีชุดตรวจสำเร็จรูป  ความแม่นยำในการตรวจปานกลาง  สดวกในการนำไปตรวจนอกสถานที่
                   ๘.๒  การตรวจขั้นยืนยัน : เป็นการตรวจที่ให้ผลแม่นยำ แต่ใช้เวลาตรวจนาน ค่าใช้จ่ายสูง
การป้องกันการติดยาเสพติด
        1. ป้องกันตนเอง ไม่ใช้ยาโดยมิได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และจงอย่าทดลองเสพยาเสพติดทุกชนิดโดยเด็ดขาด เพราะติดง่ายหายยาก
        2. ป้องกันครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเด็กและบุคคลในครอบครัวหรือที่อยู่รวมกัน อย่าให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องคอยอบรมสั่งสอนให้รู้ถึงโทษและภัยของยา-เสพติด หากมีผู้เสพยาเสพติดในครอบครัวจงจัดการให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลให้หาย เด็ดขาด การรักษาแต่แรกเริ่มติดยาเสพติดมีโอกาสหายได้เร็วกว่าที่ปล่อยไว้นานๆ
        3. ป้องกันเพื่อนบ้าน โดยช่วยชี้แจงให้เพื่อนบ้านเข้าใจถึงโทษและภัยของยาเสพติด โดยมิให้เพื่อนบ้านรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องถูกหลอกลวง และหากพบว่าเพื่อนบ้านติดยาเสพติด จงช่วยแนะนำให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
        4. ป้องกันโดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ เมื่อทราบว่าบ้านใดตำบลใด มียาเสพติดแพร่ระบาดขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกแห่งทุกท้องที่ทราบ หรือที่ศูนย์ปราบปรามยาเสพติดให้โทษ กรมตำรวจ (ศปส.ตร.) โทร. 252-7962 , 252-5932 และที่สำนักงานคณดะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) สำนักนายกรัฐมนตรี โทร. 245-9350-9
สถานบำบัด
        1. โรงพยาบาลตำรวจ แผนกจิตเวช กรุงเทพฯ โทร.2528111-7
        2. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แผนกจิตเวช กรุงเทพฯ โทร.2461946
        3. โรงพยาบาลธัญญารักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โทร.5310080-8
        4. โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ โทร.4681116-20
        5. โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพฯ โทร. 4112191
        6. ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพฯ ลุมพินี ซอยปลุกจิตต์ ถ.วิทยุ โทร.2512970
        7. ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพฯ สี่พระยา โทร.2364055
        8. สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก จ.สระบุรี
        9. สำนักสงฆ์ถ้ำเขาทะลุ จ.ราชบุรี


>>> แนะนำเลยว่าอย่าไปยุ่งกับสิ่งเหล่านี้เลย <<<

ยังมีเพิ่มเติมอีกคันหาได้ใน Google

ยา ไอซ์(ice) น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส..เนื่องด้วยราคาที่แพง และต้องนำเข้าจาก
ต่างประเทศ มักจะใช้กันในกลุ่มคนมีเงิน มีการศึกษา ในรูปแบบปาร์ตี้ยาตามสถานที่ต่างๆ      

        ยา ไอซ์(ice) หรือ เมทแอมเฟตตามีน(Metamphetamine) เป็นอนุพันธ์หนึ่งของยาบ้า
มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายๆ กัน

        ยา ไอซ์(ice) มีลักษณะของเม็ดยาเป็นผลึกคล้ายน้ำแข็งจึงเป็นที่มาของชื่อยา ไอซ์
ความบริสุทธิ์ของยาค่อนข้างสูง ออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้ามาก จึงมีคนเรียกว่า"หัวยาบ้า"
       
        ยาบ้า(Amphetamine)
                  เป็นสารกระตุ้นอย่างแรง  ที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งมีการแสดงผล
คล้ายสาร อะดรีนาลีน(adrenaline หรือ epinephrine) ซึ่งมีอยู่ในร่างกายแต่ให้ผลในการกระตุ้น
ยาวนานกว่าสารอะดรีนาลินของร่างกายมาก
                  แอมเฟตตามีน แม้จะเป็นสารที่ผิดกฏหมาย แต่ก็มีการใช้ทางการแพทย์ เนื่องจาก
เป็นยาที่ใช้รักษาอาการ hyperactivity(สมาธิสั้น) ในเด็ก, โรคอ้วน และ Narcolepsy(เป็นอาการ
หลับอย่างกะทันหัน และก็มักจะหลับอย่างชนิดที่ฝืนลูกตาฝืนใจ), รวมถึงความผิดปกติเกี่ยวกับ
การหลับ
                  แอมเฟตตามีน สามารถรับประทาน สูดดม และฉีด ชื่ออื่นของแอมเฟตตามีน
ได้แก่ speed, uppers, white crosses, dexies, bennies, black beauties,crystal and crank
                  อาการผิดปกติที่เกิดจากการเสพยาบ้า(Amphetamine)
                  ผู้เสพจะมีอาการพูดมาก อารมณ์ดี ครื้นเครงกว่าปกติ น้ำหนักตัวลด มีเหงื่อออก
มากกว่าเดิม ได้ยินและเห็นภาพหลอน นอนไม่หลับ ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตื่นเต้น
กระวนกระวาย มีพฤติกรรมก้าวร้าวและทำลาย ควบคุมสติไม่ได้ ในกรณีที่เสพเกินขนาดอาจ
มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตสูง สับสน ชัก หรือหมดสติได้
รูปพรรณของยาบ้าที่นำไปใช้เสพ
                  ยาบ้าจะมีลักษณะเป็นเม็ดหรือแคปซูลเหมือนยารักษาโรคทั่วไป ส่วนใหญ่จะเสพ
โดยการกลืนเม็ดลงไปในกระเพาะอาหาร หรือเสพโดยการเผาไฟแล้วสูบควันซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับ
ความนิยมมากที่สุดใน หมู่นักเสพวัยรุ่นไทย ส่วนรูปแบบที่มีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาวจะเสพ
โดยวิธีสูดผงยาเข้าโพรงจมูก และรูปแบบที่เป็นสารละลายใสบรรจุในหลอดแก้วจะเสพโดยวิธีฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

ระยะเวลาการออกฤทธิ์
   วิธีการสูบควันหรือไอระเหย    ออกฤทธิ์ทันที
   วิธีสูดผงยาเข้าโพรงจมูก       ออกฤทธิ์ภายใน 3-5 วินาที
   วิธีฉีดเข้าหลอดเลือดดำ               "         15-30 วินาที
   วิธีกิน                                         "         30 นาที

                  โดยสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างยาวนาน 8-24 ชั่วโมง ดังนั้นการเสพซ้ำหลายๆ
ครั้งใน 1 วัน จะส่งผลให้ปริมาณเมทแอมเฟตามีนในเลือดสูงขึ้น อาการประสาทหลอนและ
คลุ้มคลั่ง จึงมักปรากฏให้เห็นในหมู่ผู้เสพที่เสพซ้ำวันละหลายครั้งเป็นส่วนใหญ่
         
        หัวยาบ้า(Metamphetamine)
                  เป็นรูปแบบหนึ่งของแอมเฟตตามีน ที่มีฤทธิรุนแรงที่สุด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้
อย่างกว้างขวางในหลายประเทศ ปัจจุบันเป็นยาที่ห้ามใช้อย่างเด็ดขาด แม้ว่าจะทำได้ง่าย
ในครัวเรือน(homemade) จะมีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด เป็น crystal หรือ chunks
สีของยาจะมีตั้งแต่ขาวถึงเหลือง  เสพโดยการกิน สูดดม หรือ ฉีดเข้าเส้น
                  เมทแอมเฟตตามีนมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น crank, crystal, meth, speed, go-fast,
go, crystalmeth, zip, chris, cristy, ice
แก้ไขล่าสุด (วันศุกร์ที่ 15 กรกฏาคม 2011 เวลา 14:47 น.)